วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การตั้งชื่อลูกน้อย

ดูตามที่มาของชื่อคนไทย เริ่มตั้งแต่ยุคแรกๆ ที่ยังไม่มีนามสกุลชื่อคนไทยก็ง่ายๆ สั้นๆ ไม่ยาว และไม่มีศัพท์มีแสงเหมือนปัจจุบัน สาเหตุหนึ่งอาจมาจากสมัยโน้นยังไม่นิยมนำเอาภาษาบาลีสันสกฤตซึ่งเป็นภาษาที่ มีไวยากรณ์และสวยงามมาใช้ ชื่อคนไทยจึงนอกจากง่ายแล้วยังไม่ต้องการความหมายที่ดีสักเท่าไรด้วย เพราะยังเชื่อกันว่าถ้าตั้งชื่อลูกดี ชื่อสวยงาม ผีอาจมาเอาไปได้

น่าสังเกตว่า ชื่อที่ไม่ไพเราะ เช่น หมู แมว ไก่ เป็นต้น ต่อมาได้กลายมาเป็นชื่อ 'เล่น' ของคนไทยมาจนบัดนี้

แต่พอยุคหลังมีนามสกุลแล้ว ชื่อก็ไพเราะขึ้น มีการแยกชื่อชาย ชื่อหญิงไว้เสร็จ ชายที่มีชื่อเป็นหญิง เช่น ประหยัดศรี ก็ต้องเปลี่ยนดังกรณี คุณประหยัดศรี นาคนาท เหตุที่เสียดายชื่อ จึงเปลี่ยนเป็น 'ประหยัด ศ. นาคนาท' ถามว่าเมื่อเสียดายชื่อแล้วทำไมต้องเปลี่ยน เพราะสมัย ก่อนโน้นต้องเชื่อผู้นำ เพราะเป็นยุคเผด็จการ เผด็จการก็สามารถเข้ามาก้าวก่ายได้ แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัวเช่นนี้แหละครับ

ต่อมามีการเอาศาสตร์ต่างๆ มาผสมผสานกับการตั้งชื่อมากขึ้น(บางทีก็มากเกินพอดี) มีการนำเอาหลักทักษา วันไหนห้ามใช้ตัวอักษรอะไรผูกดวงเพื่อหาลัคนา เอาตำราตัวเลขมาประกอบ การตั้งชื่อในยุดต่อมาจึงยากขึ้น ไม่ใช่งานง่ายที่ใครๆ ก็ตั้งได้อีกต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ใคร่ขอฝากด้วยว่า ชื่อเป็นเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่ให้ชื่อเขียนถูกต้องตามหลักภาษา ไม่เป็นภาษาวิบัติ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญแล้ว ส่วนอื่นถือว่าเป็นส่วนประกอบผมต้องพูดเช่นนี้อยู่เป็นประจำ เพราะเห็นบางท่านเอาเป็นเอาตายเรื่องการตั้งชื่อมาก จนกระทั่งลืมส่วนอื่นๆ ที่สำคัญกว่า ถึงแม้ผมจะ 'นั่ง' ตั้งชื่อให้คนอยู่ทุกวัน ผมก็มิได้ต้องการให้ใครมาให้ความสำคัญแก่ชื่อมากเกินไป โดยลืมเงื่อนไขของการกระทำ ชีวิตคนเราจะดีจะชั่ว เจริญหรือเสื่อม ขึ้นการกระทำของเราเองเป็นหลัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น