วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552

เทคโนโลยี​ (อันตราย​?) ​ที่​คุณแม่ไม่​ควรมองข้าม​

เทคโนโลยี​ใหม่ๆ​ ​ถูกคิด​ค้น​และ​ประดิษฐ์ขึ้นมา​ ​เพื่อตอบสนอง​ความ​ต้อง​การ​ ​และ​อำ​นวย​ความ​สะดวก​ใน​กิจกรรมประจำ​วัน​ ​จนทุกวันนี้​เรา​แทบ​จะ​ไม่​สามารถ​แยกออก​จาก​เทคโนโลยี​ได้

แม้​จะ​ยัง​หาข้อสรุปที่ชัดเจน​ไม่​ได้​ ​เกี่ยว​กับ​เทคโนโลยี​ใกล้​ตัว​ ​อย่างคอมพิวเตอร์​ ​เตา​ไมโครเวฟ​ ​โทรศัพท์มือถือ​ ​เครื่องถ่ายเอกสาร​ ​และ​โทรทัศน์​ ​ว่า​จะ​มีผลต่อคุณแม่ตั้งครรภ์​และ​ทารก​หรือ​ไม่​ ​แต่​ใน​ต่างประ​เทศมีการตื่นตัว​และ​พยายามหาคำ​ตอบ​ใน​เรื่องนี้​กัน​ค่ะ​ เรา​จึง​นำ​ประ​เด็นเหล่านี้มา​เล่าสู่​กัน​ฟังค่ะ

 คอมพิวเตอร์​

ปัจจุบันคอมพิวเตอร์​เข้า​มามีบทบาทอย่างมาก​ ​ผู้​ที่ทำ​งานออฟฟิศ รวม​ทั้ง​คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทำ​งานนอกบ้าน​ ​บางครั้ง​ต้อง​นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ​ไม่​ต่ำ​กว่า​ 6-8 ​ชั่วโมง อยู่​ใกล้​คอมพิวเตอร์นานขนาดนี้​ ​จะ​มีผลอะ​ไร​หรือ​ไม่

เกี่ยว​กับ​เรื่องนี้มี​ทั้ง​ผู้​ที่คิดว่ามีผล​และ​ไม่​มีผล​ ​ซึ่ง​จะ​ขอยกตัวอย่าง​ทั้ง​สองแนวคิด​ไว้​ดังนี้

ใน​ต่างประ​เทศพบว่า​ ​มี​ผู้​ที่ทำ​งาน​อยู่​หน้าคอมพิวเตอร์​ถึง​กับ​ช็อกมา​แล้ว​ ​สา​เหตุมา​จาก​คลื่นแม่​เหล็กไฟฟ้าที่​แผ่รังสีออกมา​ ​บางคนประสาทตา​เสีย​ ​มีอาการปวดศีรษะ​ ​ปวดตา​ ​อา​เจียน​ ​เพราะ​โมเลกุล​ใน​ร่างกายเปลี่ยนแปลง​ ​ทำ​ให้​เกิดภาวะ​แรงตึงผิวเพิ่มขึ้นมาก

ใน​ประ​เทศออสเตรเลียมีข่าวผ่านสื่อออกมาว่า​ ​ผู้​ทำ​งานหน้าคอมพิวเตอร์มี​โอกาส​เป็น​มะ​เร็งสมองเพิ่มขึ้น​ ​เพราะ​สนามแม่​เหล็กที่ส่งผ่านออกมา​จาก​จอมอนิ​เตอร์​หรือ​จอคอมพิวเตอร์​ ​ที่​ใช้​หลอด​ Cathode-ray ​โดย​มี​แรงสนับสนุนยืนยัน​จาก​การศึกษาวิจัยที่​เรียกว่า​ Adelaide Study ​ซึ่ง​เจาะจงศึกษามะ​เร็งสมองชนิดหนึ่งที่​เรียกว่า​ Glioma ​และ​ศึกษา​เรื่องการ​ได้​รับสนามแม่​เหล็ก​กับ​มะ​เร็ง

นอก​จาก​นั้น​ยัง​พบว่า​ผู้​หญิง มีอัตราการเสี่ยงต่อการ​เป็น​มะ​เร็งชนิดนี้สูงขึ้น​ ​แต่​เป็น​เพียงแค่สมมุติฐานหนึ่ง​เท่า​นั้น​ ​เพราะ​จาก​การวิจัยพบว่า​ ​ยัง​มี​ส่วน​ที่มี​ความ​สัมพันธ์​เกี่ยวข้องหลายอย่างที่​สามารถ​เกิดขึ้น​ ได้​อย่าง​ไม่​คาดหมาย​ ​จึง​ไม่​สามารถ​ยืนยัน​ได้​อย่างมั่นใจ

มีงานวิจัยมากกว่า​ 30 ​ชิ้น​ ​ที่รายงานผลการศึกษา​ใน​ผู้​ใหญ่​ ​ที่ทำ​งาน​ใน​บริ​เวณที่มีสนามแม่​เหล็กสูง​ ​พบว่า​เป็น​มะ​เร็งหลายชนิด​ (ที่พบบ่อยคือ​ ​มะ​เร็ง​ใน​เม็ดโลหิต​ ​มะ​เร็งสมอง​ ​หรือ​มะ​เร็งทรวงอก) ​นอก​จาก​นั้น​ยัง​มีรายงานวิจัยบางชิ้น​ ​ที่​เกี่ยว​กับ​สตรีมีครรภ์ที่​ได้​รับสนามแม่​เหล็กสูง​ ​พบว่ามีผลร้ายต่อครรภ์​ใน​อัตราที่สูงกว่าที่คาดคิด

มีรายงานการวิจัยของต่าง ประ​เทศสรุปออกมาว่า​ ​รังสีของเครื่องคอมพิวเตอร์มีผลร้ายต่อสุขภาพร่างกายคนเรา​ ​เช่น​ ​หญิงที่นั่งทำ​งาน​อยู่​หน้า​เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกวันโอกาสตั้งครรภ์​จะ​ น้อยมาก​ ​เด็ก​และ​หญิงมีครรภ์​ไม่​ควร​อยู่​ใกล้​เครื่องคอมพิวเตอร์​ ​เพราะ​อันตราย​จาก​รังสีคอมพิวเตอร์​ ​มี​อยู่​มากมาย​ ​เช่น

- คลื่นรังสี​จาก​คอมพิวเตอร์​ ​ทำ​ให้​เซลล์ที่ควบคุมแคลเซียมของร่างกายทำ​งาน​เร็ว​ขึ้นทำ​ให้​ง่ายต่อการ​เป็น​มะ​เร็ง
- รังสี​จาก​คอมพิวเตอร์​และ​มอนิ​เตอร์​ ​และ​Accessories​ต่างๆ​ ​มีผล​ให้​เด็ก​ใน​ครรถ์ผิดปกติ​ ​แท้ง​หรือ​อาจ​จะ​คลอดก่อนกำ​หนด
- รังสี​จาก​คอมพิวเตอร์​ ​และ​มอนิ​เตอร์​ ​ทำ​ให้​เยื่อจมูกอักเสบ​ ​ปวดศรีษะ​ ​นอน​ไม่​หลับ​ ​หายใจ​ไม่​สะดวก​ ​ฯลฯ

เกี่ยว​กับ​เรื่องการ​ได้​รับรังสีที่​แผ่มา​จาก​สนามแม่​เหล็ก อย่างอ่อนๆ​ ​ที่มา​จาก​คอมพิวเตอร์​ ​ว่ามีผลเสียต่อสุขภาพ​นั้น​ ​มี​ผู้​ที่​ไม่​เห็น​ด้วย​ ​เพราะ​ยัง​ไม่​มีรายงาน​ถึง​การผลการวิจัยที่​แน่นอนออกมา​ ​เนื่อง​จาก​บางครั้งผลการทดลองมี​ความ​ไม่​แน่นอนสูง​ ​จึง​ไม่​ยืนยันต่อผลกระทบดังกล่าว

โดย​ใน​ช่วง​ 20 ​กว่าปีที่ผ่านมา​ ​มีการศึกษาวิจัย​ถึง​ผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย​ใน​กลุ่ม​ผู้​ใช้​คอมพิวเตอร์ ​กัน​อย่างแพร่หลาย​ใน​หลายๆ​ ​ประ​เทศ​ ​โดย​เฉพาะอย่างยิ่งปัญหาสายตา​และ​ต้อกระจก​ ​ปัญหา​ความ​ผิดปกติของทารก​ใน​ครรภ์​และ​ปัญหาผื่นคันตามผิวหนัง​ ​โดย​องค์การอนามัยโลก​ (WHO press release, 1998) ​ได้​สรุป​ไว้​ดังนี้คือ

ไม่​พบ​ความ​สัมพันธ์ระหว่างปัญหาสายตา​และ​ต้อกระจก​ ​ใน​การทำ​งาน​กับ​คอมพิวเตอร์​ ​แต่อาจพบปัญหาตาล้า​ ​และ​อาการปวดศีรษะ​ ​ได้​จาก​การเพ่งมองจอภาพคอมพิวเตอร์ที่มี​แสงจ้า​ ​หรือ​แหล่งแสงสว่างสะท้อน​อยู่​ที่จอภาพ​เป็น​เวลานาน

รายงานการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยา​และ​การศึกษา​ใน​สัตว์ทดลอง​ ​หลายๆ​ ​ฉบับ​ไม่​สามารถ​อธิบาย​ได้​ถึง​ผลกระทบของรังสีคอมพิวเตอร์ที่มีผลต่อการ ตั้งครรภ์ของ​ผู้​ใช้​คอมพิวเตอร์​ อย่างไรก็ตาม​ ​ปัญหา​ความ​เครียด​ ​ความ​กังวล​และ​ท่าทางของการทำ​งานที่​ต้อง​นั่ง​เป็น​เวลานานๆ​ ​ซึ่ง​เป็น​ปัจจัยทางเออร์​โก​-​โนมิคส์​ ​อาจส่งผล​ให้​เกิด​ความ​ผิดปกติของทารก​ใน​ครรภ์​ได้

ปัญหาผื่นคันตามผิวหนัง​ใน​กลุ่ม​ผู้​ใช้​คอมพิวเตอร์​ ​ไม่​สามารถ​พิสูจน์ยืนยัน​ได้​จาก​การทดสอบ​ใน​ห้องปฏิบัติการว่ามีสา​เหตุ มา​จาก​การสัมผัสสนามแม่​เหล็กไฟฟ้า​ ​ใน​ช่วงคลื่น​ความ​ถี่ที่​แผ่ออกมา​จาก​จอภาพคอมพิวเตอร์

 ไมโครเวฟ​

ข้อมูล​จาก​หนังสือ​ “การก่อเกิดของโรคภัยไข้​เจ็บ​และ​การป้อง​กัน”​ ​เขียน​โดย​ ​ดร​. ​หงซานเปิ่น​ (ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการ​ ​มหาวิทยาลัยสิงคโปร์) ​กล่าว​ถึง​ผลร้ายที่​เกิด​จาก​ไมโครเวฟว่า​ ​มีรายงานมากมายที่ทำ​ใน​ประ​เทศรัสเซีย​ ​เยอรมัน​ ​และ​ ​สวิสเซอร์​แลนด์​ ​พบว่าคลื่นไมโครเวฟ​ ​จะ​ทำ​ให้​คลื่นสมองลดลง​ ​สมองเสื่อม​ ​ความ​ยาวของคลื่นสมองสั้นลง

บนฉลากขวดนมสำ​หรับ เลี้ยงทารก​ ​มีการระบุอย่างชัดเจนว่า​ ​ห้าม​ใช้​เตา​ไมโครเวฟต้มน้ำ​ให้​เดือด​ ​เนื่อง​จาก​คลื่นไมโครเวฟ​จะ​ไปทำ​ลายสารอาหารที่มีประ​โยชน์​เสียหมด

จาก​การวิ​เคราะห์ข้อมูลเรื่อง​ ​ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะ​เร็งเม็ดเลือดขาว​ ​โดย​ ​ศ​.​นพ​.​สุรพล​ ​อิสรไกรศรี​ ​สาขาวิชา​โลหิตวิทยา​ ​ภาควิชาอายุรศาสตร์​ ​โรงพยาบาลศิริราช​ ​พบว่า​ ​การมี​โอกาสสัมผัส​หรือ​เกี่ยวข้อง​กับ​อุปกรณ์​ ​ภาย​ใน​บ้านเรือนที่มีคลื่นแม่​เหล็ก​ ​เช่น​ ​การ​ใช้​เครื่องเป่าผม​ ​คอมพิวเตอร์​ ​โทรศัพท์มือถือ​ ​เตาอบไมโครเวฟ​ ​และ​การอาศัย​อยู่​ใกล้​บริ​เวณที่มีสายไฟฟ้า​แรงสูง​ ​พบว่ากลุ่มที่มี​ Relative risk ​สูงอย่างมีนัยสำ​คัญ​ ​คือการที่อาศัย​หรือ​ทำ​งาน​อยู่​บริ​เวณ​ใกล้​ที่มีสายไฟฟ้า​แรงสูง​ ​กับ​การ​เป็น​มะ​เร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน​ ​ชนิด​ AML ​ส่วน​ปัจจัย​อื่นๆ​ ​ไม่​มี​ความ​สัมพันธ์อย่างมีนัยสำ​คัญ

 โทรศัพท์มือถือ​

ทุกวันนี้​ใน​ชีวิตประจำ​วัน​ ​เรา​ใช้​โทรศัพท์มือถือ​กัน​จนดู​เป็น​เรื่องปกติธรรมดา​ แต่​ใน​ต่างประ​เทศมีรายงานผลทางวิทยาศาสตร์​ ​และ​ผลการวิจัยออกมาอย่างต่อ​เนื่อง​ ​เกี่ยว​กับ​อันตราย​จาก​การ​ใช้​โทรศัพท์มือถือ​ ​เนื่อง​จาก​โทรศัพท์มือถือ​ ​สามารถ​แผ่รังสีคลื่นแม่​เหล็กไฟฟ้าออกมา​ได้​ ​ซึ่ง​เป็น​รังสีชนิดเดียว​กับ​ที่​ใช้​อุ่น​ ​และ​ทำ​อาหารของเตา​ไมโครเวฟ​ ​ซึ่ง​เป็น​คลื่น​ความ​ร้อนทำ​ลายเซลล์​ ​เพียงแต่มีปริมาณน้อยกว่ามาก

ผล​จาก​การศึกษา​ใน​ ประ​เทศสหรัฐอเมริกา​ ​พบว่ารังสี​ไมโครเวฟ​สามารถ​ทำ​ลายเซลล์ประสาท​ ​และ​เซลล์ตัวอ่อนที่​อยู่​ใน​ครรภ์มารดา​ ​ทำ​ให้​เป็น​โรคต้อกระจก​ ​เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของโลหิต​ ​และ​ยัง​เป็น​สา​เหตุของ​ความ​อ่อนแอ​ใน​ระบบภูมิคุ้ม​กัน​อีก​ด้วย

หน่วยงานวิจัยเทคโนโลยีของโทรศัพท์​ไร้สาย​ ​หรือ​ “WTR” (Wireless Technology research) ​ได้​ทำ​การศึกษาผลข้างเคียง​ ​จาก​การ​ใช้​โทรศัพท์มือถือมานานร่วม​ 7 ​ปี​ ​ก่อน​จะ​มีรายงานสรุปผลออกมาสู่สาธารณชนว่า​ ​รังสี​ไมโครเวฟที่​แพร่ออกมา​จาก​เครื่องโทรศัพท์มือถือ​นั้น​ ​มีฤทธิ์ทำ​ลายสารพันธุกรรม​ใน​เม็ดเลือด​ ​แต่สิ่งที่น่ากลัว​ไม่​ใช่​ระดับ​ความ​ถี่ของรังสี​ไมโครเวฟ​ ​แต่​เป็น​ช่วงระยะ​เวลาของการ​ใช้​งาน​ ​ดัง​นั้น​ผู้​ที่​ใช้​โทรศัพท์มือถือ​ ​คุยต่อ​เนื่อง​กัน​นานๆ​ ​มี​โอกาสเสี่ยงสูงมาก​ ​ที่​จะ​เป็น​โรคเนื้องอก​ใน​สมองชนิดหนึ่ง​ ​เรียก​กัน​ทางการแพทย์ว่า​ “Neuroepithelial Tumors”

Dr.Lennart Hardell ​ผู้​เชี่ยวชาญด้านโรคมะ​เร็ง​จาก​สวี​เดน​ ​กล่าวว่ามีข้อบ่งชี้ทางชีววิทยาว่า​ ​มี​ความ​เสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอก​ใน​สมองสูง​ถึง​ 2.5 ​เท่า​เมื่อมีการ​ใช้​โทรศัพท์​เคลื่อนที่

Dr.George Carlo ​กล่าวว่า​ ​นักวิทยาศาสตร์​ใน​ปัจจุบัน​ ​ยัง​ไม่​สามารถ​จะ​ออกมาบอกประชาชน​ได้​อย่างแน่ชัดว่า​ ​สิ่งที่​ค้น​พบคือดำ​หรือ​ขาว​ ​แต่​ให้​นึก​ถึง​ความ​เป็น​กลาง​ ​ซึ่ง​เปรียบเสมือนสี​เทา​ ​และ​แนะนำ​ว่าทุกคนควรมองปัญหานี้​ด้วย​ความ​ระมัดระวังมากๆ

ส่วน​หนึ่งของรายงาน​ ​เรื่อง​ ​โรคมะ​เร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน​ ​โดย​ ​ศ​.​นพ​.​สุรพล​ ​อิสรไกรศีล​ ​สาขา​โลหิตวิทยา​ ​ภาควิชาอายุรศาสตร์​ ​โรงพยาบาลศิริราช​ ​ระบุว่ามีรายงานว่าการ​ใช้​โทรศัพท์​เคลื่อนที่​ ​มี​ความ​สัมพันธ์​กับ​การ​เป็น​โรคมะ​เร็งเม็ดเลือดขาว​และ​เนื้องอก​ใน​ สมอง​ ​และ​มีรายงาน​จาก​ประ​เทศเดนมาร์ก​ ​พบ ว่า​ ​ผู้​ใช้​โทรศัพท์​เคลื่อนที่​เป็น​เวลานานกว่า​ 3 ​ปีขึ้นไป​ ​มี​ความ​สัมพันธ์​กับ​การ​เป็น​โรค​ ​อย่างไรก็ดี​ ​จาก​การศึกษานี้​ไม่​พบ​ความ​สัมพันธ์​กับ​การ​เป็น​มะ​เร็งเม็ดเลือด ขาวอย่างมีนัยสำ​คัญ

 เครื่องถ่ายเอกสาร​

เครื่องถ่ายเอกสาร​เป็น​อุปกรณ์อีกชนิดหนึ่ง​ ​ที่คุณแม่ท้องหลายท่าน​ซึ่ง​เป็น​พนักงาน​ใน​ออฟฟิศ ​และ​ต้อง​ถ่ายเอกสาร​เป็น​ประจำ​ ​หรือ​มีที่นั่ง​ใกล้​กับ​เครื่องถ่ายเอกสาร​ ​มี​ความ​วิตกกังวล​และ​มีข้อสงสัยว่า​จะ​เป็น​อันตราย​กับ​ลูก​ใน​ท้อง​ หรือ​ไม่

คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์กิจกรรม​ 5 ​ส​ ​กองทัพเรือ​ ​กล่าว​ถึง​เรื่องนี้ว่า​ ​เครื่องถ่ายเอกสาร​เป็น​อุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่​เป็น​อันตรายต่อสุขภาพ​ ​โดย​ส่งผลต่อสุขภาพของ​ผู้​ใช้​อย่าง​ไม่​รู้ตัว​ ​จึง​เป็น​เรื่องที่​ไม่​ควรมองข้าม​ ​และ​เพิ่ม​ความ​ระมัดระวัง​ใน​การ​ใช้​ให้​มากขึ้น

 อันตรายที่​ได้​รับ​

1. ​ก๊าซโอโซน​ เกิด​จาก​การอัด​และ​ปล่อยประจุ​ไฟฟ้าที่ลูกกลิ้ง​และ​กระดาษโอโซน บาง​ส่วน​เกิด​จาก​การปล่อยแสงเหนือม่วง​ (UV) ​จาก​หลอดไฟฟ้าพลังงานสูงของเครื่องถ่ายเอกสาร​ ​ส่งผล​ให้​เกิด​ความ​ระคายเคืองต่อตา​ ​จมูก​ ​และ​คอ​ ​ทำ​ให้​หายใจสั้น​ ​วิงเวียน​ ​และ​ปวดศีรษะ​ ​เป็น​สา​เหตุของ​ความ​ล้า​ ​และ​การสูญเสียประสาทรับรู้กลิ่น​ด้วย​ ​คนที่มี​โรคระบบทางเดินหายใจ​ ​อยู่​แล้ว​ ​เช่น​ ​โรคหอบหืด​ ​ไม่​ควรสัมผัสโอโซนเลย

2. ​ฝุ่นผงหมึก​ ​เครื่องถ่ายเอกสารระบบแห้ง​ ​ประกอบ​ด้วย​ผงคาร์บอนผสม​กับ​เรซิน ประกอบ​ด้วย​ผงคาร์บอนผสม​กับ​พลาสติกเรซิน​ ​ส่วน​เครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียกผงหมึก​จะ​ละลาย​ใน​สารละลายอินทรีย์พวกปิ ​โตรเลียม​ ​ซึ่ง​มีอันตราย​จาก​ส่วน​ประกอบ​ ​ที่​เป็น​สารเคมี​ทั้ง​สิ้น​ ​การหายใจเอาผงหมึก​เข้า​ไป​ ​จะ​ทำ​ให้​เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ​ ​มีอาการไอ​และ​จาม

นอก​จาก​นี้สารไนโตรไพริน ​ซึ่ง​พบ​ใน​ผงคาร์บอนดำ​ ​และ​ไตรไนโตร​ ​ฟู​โอรีน​ (TNF) ​ก็​เป็น​ที่​เข้า​ใจ​กัน​ว่า​เป็น​สารก่อมะ​เร็ง​ ​และ​เป็น​สารที่ทำ​ให้​เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม​ ​หรือ​มีผลทำ​ให้​เกิด​ความ​ผิดปกติของทารก​ใน​ครรภ์อีก​ด้วย

3. ​แสงเหนือม่วง​ (รังสียูวี) รังสี​จะ​แผ่ออกมา​จาก​ หลอดไฟพลังงานสูงภาย​ใน​เครื่อง​ ​ขณะที่มีการถ่ายเอกสาร​ ​ทำ​ให้​เกิดการอักเสบของกระจกตา​ ​และ​มีผื่นคันตามผิวหนัง​ ​แต่มีผลน้อยมาก

4. ​สารละลายอินทรีย์จำ​พวกปิ​โตรเลียมไฮโดรคาร์บอน เป็น​ตัวทำ​ละลาย​ใน​ผงหมึกของเครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียก​ ​ทำ​ให้​เกิดการระคายเคืองตา​ ​ผิวหนัง​ ​ระบบทางเดินหายใจ​ ​เกิดอาการแพ้​และ​เป็น​อันตรายต่อระบบประสาท​ส่วน​กลาง

5. ​สารเคมี​อื่นๆ​ เช่น​ ​ซีลี​เนียม​ ​แคดเมียมซัลไฟด์​ ​ซิงค์ออกไซด์​ ​และ​โพลิ​เมอร์​ ​ซึ่ง​ถูกเคลือบ​ไว้​ที่ลูกกลิ้ง มีลักษณะ​เป็น​สารนำ​แสง​ ​ทำ​ให้​เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ​ส่วน​ต้น​ ​ตา​และ​ชั้นเยื่อเมือกของกระ​เพาะอาหาร​ ​ตลอดจน​เป็น​สารก่อมะ​เร็ง​ ​แต่สารเหล่านี้​จะ​ถูกปล่อยออกมา​ใน​ปริมาณน้อยมากเกินกว่าที่​จะ​ตรวจสอบ​ ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น